๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐

เรื่องอริยสัจ (เกิด แก่ เจ็บ ตาย)

หลายวันก่อน น้องชายผู้ไม่เคยเห็นหน้าท่านหนึ่งโทร.มาหาลูกลุงเยี่ยม บอกว่า "พี่ครับ ผมมีเรื่องจะขอร้องให้พี่ช่วย"

อืมม์ "เรื่องอะไรคะน้อง...โอ...ค่ะๆ เดี๋ยวพี่รีบไปวัดให้เลย"

------------------------------------

ลูกลุงเยี่ยมผละจากจอคอมพิวเตอร์ เอาปัจจัยใส่ซอง 500 บาท เขียนชื่อคุณพ่อของน้องเขา มือไม้สั่น น้ำตาซึม แล้วรีบไปวัดชายนาทันที ไปถึงตอนเที่ยงกว่าๆ จึงได้ทราบว่าหลวงพ่อไม่อยู่ ท่านมีกิจนิมนต์ที่มหาชัย จะกลับเย็นๆ ลูกลุงเยี่ยมเล่าธุระให้คุณตาบาตรตะกรุดฟัง ว่ามีน้องคนหนึ่งคุณพ่อกำลังป่วยหนัก อยากทำบุญ และขอเมตตาให้หลวงพ่อแผ่เมตตาให้คุณพ่อของเขา คุณตาก็รับทราบ แล้วบอกว่าให้ลองไปตอนเย็นอีกครั้ง พอตอนเย็นลูกลุงเยี่ยมก็ไปอีกรอบ ที่วัดมีคนเยอะแยะมากมายมารอกราบหลวงพ่อ มีรถทัวร์ 2 คัน และรถส่วนตัวต่างๆ หลายรุ่น หลายยี่ห้อ ลูกลุงเยี่ยมรอเวลาให้คนพอจะบางตา ครั้นเวลาประมาณเกือบ 5 โมงเย็นอันเป็นเวลาที่หลวงพ่อจะลงโบสถ์ ก็ยังมีญาตโยมกลุ่มหนึ่งคุยธุระอยู่เบื้องหน้าหลวงพ่อประมาณ 10 คน รู้สึกจะเป็นการนิมนต์หลวงพ่อให้ไปงานทำบุญอะไรสักอย่าง เห็นหลวงพ่อวงในปฏิทินไว้ วันนี้หลวงพ่อต้องใส่แว่นตาดำตลอดเวลา เพราะท่านมีอาการเจ็บตามาหลายวันแล้ว เรานั่งอยู่ในส่วนข้างหนึ่ง ดูจังหวะ ว่าให้คนที่อยู่ก่อนคุยธุระของเขาเสร็จแล้ว (ในระหว่างรอก็ภาวนาพุทโธบ้าง เรียกหลวงพ่อในใจบ้าง บอกจุดประสงค์การมาในใจบ้างตลอด) พอได้จังหวะเราก็ถือซอง พนมมือ กราบเรียนหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อเจ้าคะ รุ่นน้องผู้ชายของโยม เขาอยู่กรุงเทพฯ เขากับพ่อตั้งใจจะมากราบหลวงพ่อด้วยกันสองคนพ่อลูก แต่พ่อเขามีเหตุเกิดเสียก่อนจึงมาไม่ได้ คือมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก นอนเฉยๆ อยู่เป็นเดือนแล้วเจ้าค่ะ ลูกชายเขาเลยมาคนเดียว แต่ก็ไม่เจอหลวงพ่อ วันนี้ลูกชายเขาจึงฝากปัจจัยให้โยมมาทำบุญกับหลวงพ่อ ให้พ่อเขา..." ลูกลุงเยี่ยมยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ท่านก็เปิดฝาบาตร ให้เราหย่อนซองลงไป แล้วหลวงพ่อก็พนมมือสวด ยถาฯ ท่านสวดมนต์จบก็หยิบกำตอกจุ่มในขันน้ำมนต์ มาเคาะหัวเรา 2-3 โป๊ก บอกว่า 'เอ้า นายบุญสมมาไม่ได้ ฝากยายนี่ไปนะ' แล้วท่านก็ลุกจากที่รับแขก จัดสบง จีวร เดินฉับๆ ไปลงโบสถ์ทันที



ข้อสังเกตุ : เรายังไม่ได้บอกว่า "ขอพรให้พ่อน้องเขา" เลย เหมือนท่านรู้อยู่แล้ว เพราะมีคนคนฝากปัจจัยมาถวายหลวงพ่อแล้ว ท่านก็ไม่ได้กล่าวบาลีเต็มสูตรแบบนี้ให้ และบนซอง เราก็เขียนหนังสือตัวเล็กๆ ถืออยู่ในมือพนมไว้ พอหลวงพ่อให้เอาใส่บาตร ท่านก็ปิดฝาบาตรทันที เราก็ยังไม่ทันบอกชื่อพ่อน้องชัดๆ ก็เหมือนท่านรู้อยู่แล้วอีกเช่นกัน เราเองยังจำชื่อพ่อน้องไม่ค่อยได้ ต้องเหลือบดูซอง แต่หลวงพ่อกล่าวชัดเจน 'เอ้า นายบุญสมมาไม่ได้ ฝากยายนี่ไปนะ' หลวงพ่อสวดเป็นบาลี (ภาษาพระ) อย่างเดียว แต่เมื่อเราหาคำแปลมาอ่าน จึงพบว่าซาบซึ้ง เป็นกุศลยิ่ง



อนุโมทนารัมภคาถาแปล

ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง

ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ ฉันใด

เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ

ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแต่โลกนี้, ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วได้ ฉันนั้น.

อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง

ขออิฏฐผลที่ท่านปรารถนาแล้วตั้งใจแล้ว

ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ

จงสำเร็จโดยฉับพลัน

สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา

ขอความดำริทั้งปวงจงเต็มที่

จันโท ปัณณะระโส ยะถา

เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ

มะณิ โชติระโส ยะถา

เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี ฯ

----------------------------------------------------------

สามัญญานุโมทนาคาถาแปล

สัพพีติโย วิวัชชันตุ

ความจัญไรทั้งปวง จงบำราศไป

สัพพะโรโค วินัสสะตุ

โรคทั้งปวง (ของท่าน) จงหาย

มา เต ภะวัตวันตะราโย

อันตรายอย่ามีแก่ท่าน

สุขี ทีฆายุโก ภะวะ

ท่านจงเป็นผู้มีความสุขมีอายุยืน

อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ, อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง

ธรรมสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ, ย่อมเจริญแก่บุคคล ผู้มีปรกติไหว้กราบ, มีปรกติอ่อนน้อม (ต่อผู้ใหญ่) เป็นนิตย์ ฯ





ขอให้ท่านผู้ผ่านมาอ่านพบ และได้ปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา เสมอๆ ให้ได้ระลึกถึง และอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้คุณพ่อบุญสมได้ค่ะ เรื่องของ "บุญ" ไม่เหมือนสิ่งอื่นบนโลกนี้ เพราะยิ่งให้ยิ่งเพิ่ม ไม่มีพร่อง
----------------------------------------------------------------------
ขอไว้อาลัยให้กับคุณพ่อบุญสม คุณะเพิ่มศิริ ที่ได้จากมนุษยโลกไปเมื่อ วันศุกร์ที่ 23 พ.ย. 50 ด้วยผลบุญที่ท่านและลูกชายได้ทำบุญสังฆทาน มหาสังฆทาน และวิหารทานกับหลวงพ่อตัด ปวโร ขอให้ท่านไปสู่สวรรคสมบัติ นิพพานสมบัติ ในเบื้องหน้าโน้นเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ ฉันใด ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแต่โลกนี้, ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วได้ ฉันนั้น.

ทำบุญ กับเนื้อนาบุญอันประเสิรฐ


วันออกพรรษา
ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค่ำ เ ดื อ น ๑ ๑
วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำที่ในฤดูฝนซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า"ปวารณา"แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ เป็นวันที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกัน ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้งล่วงเกินระหว่างที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้ม มัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน...
จาก เว็บธรรมะไทย

ลูกลุงเยี่ยมก็ไปทำบุญวันออกพรรษาที่วัดชายนามาเช่นกัน โดยนัดแนะกับแม่ตั้งแต่เมื่อคืน ให้แม่เตรียมปิ่นโตให้ ลูกจะเป็นตัวแทนครอบครัวไปทำบุญให้เอง ปกติแล้ว ชาวบ้านนอกเรา มีธรรมเนียมนิยมในการไปทำบุญที่วัดในวันสำคัญทางศาสนาอยู่แล้ว โดยใครใกล้ที่ไหน ก็ไปที่นั่น ปกติที่บ้านลุงเยี่ยมก็ไปทำบุญที่วัดประจำตำบลเรา แต่วันนี้ลูกตั้งใจอยากไปทำบุญกับ "เนื้อนาบุญอันประเสิรฐ" ตามความคิดของลูก พ่อแม่ก็ไม่ขัด โมทนายินดี เพียงแต่ไม่ได้ไปด้วย เพราะเดี๋ยวจะมีคำถามมากมายจากเพื่อนบ้านว่า ทำไมไปทำบุญข้ามเขต! จะเกิดโทษกับผู้พูดเสียเปล่าๆ แต่ลูกไปคนเดียวได้อย่างคล่องตัว เพราะไปประจำอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยไปสวดมนต์ ทำบุญ ฟังเทศน์ วัดชายนาเลย
เราตืน 6 โมงเช้า อาบน้ำแต่งชุดขาว แม่ก็เตรียมปิ่นโตเสร็จพอดี บอกว่า ทำเผื่อแม่ พ่อ และครอบครัวด้วย แล้วอย่าลืมกรวดน้ำเอาบุญส่งไปให้ถึงปู่ย่าตาทวด บรรพบุรุษของเราด้วย ที่วัดชายนา มีสาธุชนไปทำบุญวันออกพรรษากันมากมาย พระเณรผู้ทรงศีลก็มีมากทีเดียว ราวๆ 20 รูป โดยมีหลวงพ่อตัด ปวโร เป็นองค์ประธาน
ร่างกายหลวงพ่อดูยังบ่งบอกว่ามีอาการป่วย แต่ท่าทาง น้ำเสียงหลวงพ่อ ยังองอาจ เข้มแข็ง เหมือนเดิม ท่านนำสวดไป ก็มีอาการระคายคอ และต้องสลับกับการถ่มเสมหะลงในกระโถนข้างองค์เป็นระยะๆ ลูกลุงเยี่ยมยิ่งเซ้นส์สิทีฟอยู่ ถึงกับน้ำตาซึม ที่หลวงพ่อไม่ยอมพัก แต่กลับมาปฏิบัติศาสนกิจ เป็นศูนย์รวมศรัทธาของสาธุชนในวันสำคัญเช่นนี้ T_T หลังจากญาตโยมถวายภัตตาหาร และพระสงฆ์สวดให้พร เสร็จพิธีแล้ว พระสงฆ์เริ่มฉันภัตตาหาร แต่องค์หลวงพ่อยังเมตตาเทศน์ให้ญาติโยมฟัง 1 กัณฑ์ เกี่ยวกับเรื่อง วันออกพรรษา และวันมหาปวารณา ตามที่คัดลอกจากเว็บธรรมะไทยมาเกริ่นไว้ช่วนต้นนั่นเอง เพิ่งเห็นหลวงพ่อขึ้นธรรมาสถ์เทศน์เป็นครั้งแรก ท่านสวมแว่นตา อ่านข้อความจากใบลาน เทศน์ผ่านไมโครโฟน ด้วยสำเนียงกรุงเทพฯ ^^ (ไม่ได้เหน่อแบบที่ท่านพูดปกติ) น้ำเสียงหลวงพ่อ กังวาน มีพลังอานาจ และน่าฟัง จนดูไม่เหมือนว่าท่านป่วยอยู่
พอท่านกล่าวถึง "เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้..." ท่านก็บอกว่า เอ้า กินข้าวกัน แล้วลงจากธรรมาสถ์ และเดินฉับๆ ลงมา อ้อมศาลาไปทางโบสถ์ โดยไม่เห็นท่านฉันเช้า จึงถามคุณยายที่มาถือศีลอยู่วัดว่า หลวงพ่อไม่ฉันเหรอยาย ยายบอกว่า หลวงพ่อคงฉันข้าวต้มตอนเช้าแล้ว (เพราะท่านป่วยอยู่)
ตอนเอาน้ำที่กรวดแล้วไปเท...ที่นี่มีธรรมเนียมที่แปลกจากวัดในตำบลเรานิดหน่อย คือทุกคนถือกระดาษทิชู ใบไม้ ใบตอง ไปรองรับน้ำที่เทลงบนพื้นดินด้วย คุณยายผ้าขาวคนหนึ่ง แบ่งทิชชูให้เราด้วยเมื่อเห็นเรามีแต่แก้วน้ำเปล่าๆ แล้วบอกให้ทำตามยาย พอเทน้ำเสร็จ ก็ถามยายว่า "เอากระดาษรองทำไมเหรอยาย" ยายบอกว่า เพราะดินสกปรกน่ะสิ ที่จริงลูกลุงเยี่ยมเคยฟังข้อวินัยสงฆ์ข้อหนึ่ง ที่บอกว่า ไม่ให้ทำน้ำตกลงบนพื้นดินโดยตรง จะเป็นอันตรายต่อชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ในดินได้ ท่านจึงให้น้ำผ่านใบไม้ หรือเครื่องรองรับอย่างอื่นก่อน ทำให้นึกในใจว่าหลวงพ่อท่านเคร่งครัดพระวินัย แล้วยังมีกุศโลบายสอนสั่งให้ญาตโยมทำตามเป็นบุญกุศลใหญ่ด้วย

ตอนถือปิ่นโตเปล่าออกมาที่รถ เห็นหลวงพ่อกำลังเดินเข้าไปในโบสถ์พอดี มีพรรคพวกคนชายนาที่รู้จักกัน แซวว่า "เอ้า ไม่อยู่ทั้งวันเหรอ แต่งชุดขาวเขาต้องอยู่ทั้งวันนา" ขณะกำลังสตาร์ตรถกลับบ้าน จึงบอกเขาว่า "เดี๋ยววันหลังๆ วันนี้ซ้อมๆ ไว้ก่อน ^^" แต่ก็คิดว่า เย็นๆ จะไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นอีกครั้ง

กัลยาณมิตรคนหนึ่งเคยบอกว่า การจะได้ชื่อว่า รู้จัก และมีศรัทธาต่อพระสงฆ์องค์ใดนั้น ต้องหมั่นไปทำบุญกับท่าน ไปปฏิบัติภาวนากับท่านด้วย จึงจะถือได้ว่า เป็นศิษย์ท่านจริงๆ ในขณะที่เรายังมีความพร่องอยู่มากอย่างนี้ การจะไปกล่าวว่า ท่านนั้นท่านนี้เป็นครูบาอาจารย์ของเรา ระวังคนฟังที่เขาเห็นเราไม่เข้าท่า เขาจะปรามาสไปถึงครูบาอาจารย์ของเราให้มัวหมองได้...

ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ขอให้ท่านที่ได้รับทราบทุกคน ทุกตน จงโปรดโมทนาเอาเถิด สาธุๆๆ