๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐

ธรรมะในแบบหลวงพ่อฯ


เราพูดให้คนสนิทฟังเสมอ ว่าเราเสียดายจริงๆ ที่มิได้เป็นชาย ไม่มีโอกาสบวชกับหลวงพ่อฯ เคยปรารภให้หลวงพ่อท่านได้ยินด้วย ท่านบอก..."ไม่เป็นไรหรอก"

"แล้วหลวงพ่อให้อุบาสิกามาอยู่ปฏิบัติกับหลวงพ่อได้ไหมเจ้าคะ" "นั่นไง วันพระเขาก็มาถืออุโบสถกันที่ศาลาโน่น...ถ้าจะทำมันยุ่ง เขาต้องจัดสถานที่ แยกเป็นสัดส่วน ไม่งั้นไม่ได้ๆ" หลวงพ่อหมายถึง พระ อุบาสก อุบาสิกา ถ้ามาปฏิบัติในสถานที่เดียวกัน ต้องมีการวางระบบ มีการจัดการอะไรให้เรียบร้อยเหมาะสม ป้องกันการเกิดคำครหา "โลกวัชชะ" โลกติเตียน

เคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ท่านบอกว่า พระอรหันต์มีคุณสูง และก็มีโทษสูงเช่นกัน เรื่องคุณนั้น คงได้รับทราบรับฟังกันมาแล้ว แต่ที่บอกว่า "โทษ" นั้น หมายถึง ถ้าใครเผลอไปกระทำการใด ไม่เหมาะ ไม่ถูกต้อง ตลอดจนถึงกับปรามาส พระอริยเจ้าระดับนี้ละก้อ ลงอเวจีแหงแซะ!!! เราเชื่อ โลกนี้ไม่ว่างจากพระอรหันต์ แต่ผู้ที่ไม่เคยศึกษาสัมผัสมาก่อน ก็คิดว่าพระอรหันต์ต้องตั้งท่า นั่งแข็ง เคร่งขรึม ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ผิดถนัด!!! ถึงกับมีคำพูดว่า "บางคนมันจะชนพระอรหันต์แล้ว มันยังไม่รู้" ผู้รู้บอกว่า พระอรหันต์ท่านก็ยังต้องมีวาสนาเก่า คือนิสัยเก่าๆ ที่เป็นลักษณะเฉพาะองค์ของท่าน เช่น ที่มีการกล่าวถึงท่านพระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวาขององค์พระพุทธเจ้า แม้ตอนที่พระพุทธะรับรองแล้วว่า ท่านเป็นพระอรหันต์แน่แท้ไม่ต้องสงสัย คราวหนึ่ง หมู่พระภิกษุหมู่ใหญ่ มีกิจธุระต้องไปยังสถานที่หนึ่ง ซึ่งต้องข้ามคูคลองไป ท่านพระสารีบุตรยัง "ถกเขมร" คือถลกจีวรขึ้นมามัดเป็นกางเกงแบบนายขนมต้มยังงั้นน่ะ กระโดดข้ามคูคลองดังกล่าวไปซะเลย ^^ พระใหม่บางท่าน เห็นแล้วคิดว่า ทำไมพระอัครสาวกผู้เป็นพระอรหันต์แล้ว จึงไม่สำรวม องค์พระพุทธเจ้าบอกว่า "ท่านสารีบุตรเกิดเป็นวานรมาหลายชาติ วาสนาเดิมติดมา" ยกเว้นองค์พระพุทธเจ้าเท่านั้น เมื่อตรัสรู้แล้ว ไม่มีการปรากฎของวาสนาเก่าโดยสิ้นเชิง

หลายคนที่เคยไปกราบหลวงพ่อตัด ล้วนกล่าวขานกันว่า ท่านไม่ค่อยเรียบร้อยบ้าง ไม่ค่อยสำรวมบ้าง ด่าเก่งบ้าง พูดไม่รื่นหูบ้าง ฯลฯ บางครั้ง ท่านจะพูดโหดๆ ให้ญาตโยมที่ไปกราบนมัสการท่านอึ้งกิมกี่ เช่น ถ้ามีคนนิมนต์ท่านไปฉันภัตตาหาร ท่านก็พูดว่า
"จะมาเลี้ยงพระทำไม้...อยากรวยให้เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย อยากฉิบหายให้เลี้ยงพระ!"
คนที่คิดสั้น และไม่มั่นใจในพระสังฆคุณขององค์หลวงพ่อ อาจจะตกใจรีบหนีกลับบ้านไปเลย แล้วคิดในใจว่า "พระองค์นี้นี่ยังไงนะ" ดังที่หลวงพ่อเองก็ชอบพูดว่าตัวเองว่า "ข้าฯ มันบ้าๆ อยู่"
ลูกลุงเยี่ยมเองก็เคยได้ยินกับหูครั้งหนึ่ง...ไปกับแม่ ไปนิมนต์ท่านและพระที่วัดฉันภัตตาหาร แต่คำแรกท่านบอก
"อยากรวยให้เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย อยากฉิบหายให้เลี้ยงพระ!" แม่เรานี่อึ้งเลย หน้าตาแหยเก ลูกลุงเยี่ยมยิ้มสู้ ฟังท่านต่อ...ท่านไปเอาปฏิทินมาดูคิวกิจนิมนต์ แล้วท่านก็หันมาบอกเราเสียงอ่อนโยนว่า
"วันเสาร์น่ะไม่ว่าง...ไปบวชพระที่กระจิวนะ"
"เจ้าค่ะหลวงพ่อ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"
มีอีกครั้ง เห็นญาตโยมมาจากแดนไกล หลวงพ่อก็ทำท่าเสือพูดดุๆ ตามสไตล์ท่าน แบบที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "หน้าไม่รับแขก" น่ะ ภายหลังสบโอกาส เราก็ถามท่าน
"หลวงพ่อเจ้าคะ ญาตโยมเขามาหาหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกว่ารำคาญ ไม่กลัวเขาเสียกำลังใจหรือเจ้าคะ"
"เฮอะ ข้าฯ ไม่ได้ใช้ให้มันมาหนิ"...">.<" แปลว่าท่านไม่ติดลาภสักการะ ท่านมักจะพูดว่าแถวบ้านมึงไม่มีพระหรือไง นั่งรถมาไกลๆ เสียเงินเสียทอง
"หลวงพ่อเจ้าคะ ทำไมหลวงพ่อพูดว่า เลี้ยงพระแล้วจะ ship หายล่ะเจ้าคะ"
"เอ้า! มึงก็ลองคิดดูสิ" "หลวงพ่อพูดแบบนี้ ถ้าคนไม่มาวัด ไม่มากราบพระ ก็ไม่ได้เกาะผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์สิเจ้าคะ"
"ฮ่าๆ มันก็ไม่แน่ ดูวัดนะ ดูพระด้วย มันไม่แน่ว่าจะเป็นบุญหรอก...บางที่ทำบุญเท่านั้นเท่านี้นะโยม จะได้บูญเท่านั้นเท่านี้นะโยม...เฮอะ นั่นมันเรียกบ้าบุญ...บางคนนะ ทำบุญใส่ซอง ยกมือจบ ซ้า...ธุ ขอให้ลูกช้างถูกหวยทีเถ๊อะ เฮอะ"
"ทำแล้วต้องไม่หวังจะเอายังงั้นยังงี้ใช่ไหมเจ้าคะ"
"เอ้อ...ทำไปแล้วไม่ต้องเสียดาย" "หนูทำ 100 บาทไม่เสียดายเจ้าค่ะ แต่ถ้าเป็นพันเสียดายเจ้าค่ะ" "เอ้อๆ"
...หลายคนที่ไปวัด บ้างก็ไปครั้งเดียวเข็ด และไม่ยอม "ขบ-คิด" ในสิ่งที่หลวงพ่อแสดงออก เลยไม่ได้รับรู้รับฟัง หรือได้เห็น "เนื้อทอง" ขององค์หลวงพ่อ
ล่าสุด มีพ่อค้าหาบเร่เข้าไปขายของในวัดชายนา ไปพบองค์หลวงพ่อพอดี ท่านก็ "เม้ง" ใส่ สอบถามที่มาที่ไปตามสไตล์ท่าน พ่อค้ารีบกลับหลังหันโกยอ้าวออกจากวัดไปทันที
แต่ภายหลัง ท่านพูดให้ศิษย์ฟังว่า "นั่นถ้ามันทนกูอีกสักหน่อยเดียวนะ กูจะเหมาของมันให้หมดเลย ไม่ให้มันไปแบกขายให้เหนื่อยต่อ"
ธรรมะของท่านสั้นๆ แต่เด็ดขาด บางอย่างเป็นปริศนาธรรม ยิ่งคิดยิ่งลึกล้ำ ยิ่งคลี่คลายขยายผล แล้วเวลาที่ได้เห็นท่านปฏิบัติศาสนกิจ นุ่มห่มผ้ากาสวพัตส์เรียบร้อย หรือขึ้นธรรมาสถ์เทศน์ละก้อ ประกายแห่งความเป็นเนื้อนาบุญอันประเสิรฐของท่าน เปล่งรังสีออกมาดุจแสงแห่งจันทร์เพ็ญทีเดียว

หลวงพ่อเขียนติดกระดานดำแผ่นเล็กๆ ไว้ที่วัดว่า

"มีบาตร ไม่โปรด

มีโบถส์ ไม่ลง

อาบัติ ไม่ปลง

เป็นสงฆ์ อย่างไร"